fbpx
//4 เคล็ดลับยิงโฆษณาด้วย adMATTERS อย่างมีประสิทธิภาพ

4 เคล็ดลับยิงโฆษณาด้วย adMATTERS อย่างมีประสิทธิภาพ

adMATTERS คือระบบช่วยจัดการโฆษณา Facebook และ Instagram อัตโนมัติที่ใช้ AI ค้นหากลุ่มเป้าหมายและ Optimise โฆษณาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยให้ผู้ประกอบการที่มีแฟนเพจหรือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เข้าถึงฟีเจอร์เชิงลึกของ Ad Manager เช่น Custom Audience หรือ Lookalike Audience รวมถึงใช้ต้นทุนเท่าเดิม แต่ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่า

เคล็ดลับเพื่อการยิงโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพ

วันนี้เรามีคำแนะนำ 4 ข้อที่จะช่วยให้คุณดึงประสิทธิภาพของ adMATTERS ออกมาได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ได้แก่

  1. ไม่ปรับเปลี่ยนโฆษณาโดยไม่จำเป็น
  2. เปิดให้โฆษณาทำงานอย่างน้อย 1 เดือน
  3. โฟกัสที่ต้นทุนต่อเป้าหมาย (Cost per Objective)
  4. วิเคราะห์ปัจจัยรอบด้าน

1. ไม่ปรับเปลี่ยนโฆษณาโดยไม่จำเป็น

ระหว่างที่โฆษณาทำงานอยู่นั้น ระบบ AI จะทำการเรียนรู้วิเคราะห์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น แต่ถ้าหากมีการปรับเปลี่ยนแคมเปญบ่อยๆ จะทำให้ AI ต้องเรียนรู้ใหม่เรื่อยๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพโฆษณาได้ 

คำแนะนำของเราก็คือ วางแผนอย่างชัดเจนก่อนให้แคมเปญโฆษณาเริ่มทำงาน และหากไม่จำเป็น ไม่ควรปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ ในแคมเปญที่ทำงานไปแล้ว

2. ปล่อยให้โฆษณาทำงานอย่างน้อย 1 เดือน

เป็นกันมั้ย? พอโฆษณาทำงานไปแค่ 2-3 วัน แต่ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คิด เลยเข้ามาปิดแคมเปญ หรือพยายามปรับเปลี่ยนโฆษณาต่างๆ ทำให้การเรียนรู้ของ AI ต้องสะดุดไปซะก่อน เพราะการทำงานของ AI ต้องใช้ผลลัพธ์ที่เกิดจากโฆษณามาวิเคราะห์ ยิ่งมีข้อมูลมาก ยิ่งเเม่นยำ

เเละถ้าต้องการให้โฆษณาได้ผลดี ต้องเข้าถึงผู้คนจำนวนมากๆ ยิ่งคนเห็นมาก ก็ยิ่งเป็นที่จดจำ ถ้าหากโฆษณาทำงานเพียงระยะเวลาสั้นๆ อาจทำให้คนยังจดจำสินค้าหรือบริการของคุณไม่ได้นั่นเอง

ดังนั้น เพื่อให้ AI สามารถเรียนรู้และค้นหากลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำมากขึ้น เราแนะนำระยะเวลาโฆษณาอย่างน้อย 1 เดือนเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน 

3. โฟกัสที่ต้นทุนต่อเป้าหมาย (Cost per Objective)

“เอ๊ะ ทำไมโฆษณาตัวนี้ไม่มีคนกด Like เลย แปลว่าไม่ดีแน่ๆ”

แต่บางทีโฆษณาตัวนี้อาจเป็นตัวที่สร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของคุณก็ได้ ผลลัพธ์โฆษณา (Result) นั้นขึ้นอยู่กับการเลือกวัตถุประสงค์โฆษณา (Objective) ในตอนที่คุณสร้างแคมเปญใหม่ เช่น วัตถุประสงค์ของคุณคือ “เพิ่มจำนวนคนทัก Inbox” ผลลัพธ์ที่คุณควรสนใจคือ​ “จำนวน Inbox” นั่นเอง

นอกจากนั้น เราแนะนำให้คุณวัดความสำเร็จของโฆษณาด้วยตัวชี้วัด ต้นทุนต่อผลลัพธ์ (Cost per Objective) ซึ่งคำนวณจากจำนวนเงินโฆษณาที่คุณใช้ไป เพื่อได้มาต่อ 1 ผลลัพธ์ เช่น ต้องจ่ายเงินโฆษณา 12 บาท ต่อคนทัก Inbox เข้ามา 1 คนเป็นต้น แปลว่าต้นทุนต่อผลลัพธ์ยิ่งถูก ผลลัพธ์ที่ได้กลับมายิ่งเยอะ การวัดผลด้วยต้นทุนต่อผลลัพธ์จะช่วยให้คุณมองเห็นประสิทธิภาพของโฆษณาได้ดีกว่าการดูเพียงยอด Like, Comment, Share

4. วิเคราะห์ปัจจัยรอบด้าน

ถ้าลองปรับการยิงโฆษณาทุกทางแล้วยังไม่ได้ผล บางทีอาจต้องลองมองปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยเช่นกัน เช่น เทรนด์ของตลาด, โมเดลธุรกิจของเรา, หรือแม้กระทั่งตัวสินค้าเองก็ตาม ฉะนั้น การหมั่นวิเคราะห์ผลลัพธ์ของโฆษณาอย่างถี่ถ้วน อาจบอกเราได้ว่าปัญหาที่ขายของไม่ได้ เกิดจากตัวสินค้า ราคา หรือโฆษณา และวางแผนการตลาดใหม่ก่อนซื้อโฆษณาครั้งถัดไป

ถึงเวลาเข้าสู่ระบบ

คุณสามารถเริ่มต้นใช้งาน adMATTERS ได้ที่นี่

ใช้งาน ADMATTERS คลิก
2020-06-24T17:32:49+07:00มิถุนายน 25, 2563|