ถ้าคุณทำโฆษณาออนไลน์ แต่ไม่มีการ Optimise อย่างสม่ำเสมอ การันตีได้เลยว่าผลลัพธ์จะไม่เพิ่มขึ้น การที่เราพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพในสิ่งที่ทำได้ ช่วยให้เราใช้เงินโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในบทความนี้จะมาอธิบายว่า Optimisation คืออะไร และยกตัวอย่างการ Optimise สำหรับโฆษณาออนไลน์โดยเฉพาะบน Facebook Ads
Optimisation คืออะไร
Optimisation หรือ Optimization คือวิธีการปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่เท่าเดิม ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้ทรัพยากรเท่าเดิม หรือก็คือการหาจุดที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับสิ่งนั้นนั่นเอง
ยกตัวอย่าง SEO หรือ Search Engine Optimization ก็คือการปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับต้น ๆ ของ Search Engine หรือการทำ CRO (Conversion Rate Optimization) ก็คือการปรับปรุงเนื้อหาเว็บ E-Commerce เพื่อปรับปรุงยอด Conversion Rate ให้สูงขึ้น
ในการลงโฆษณาออนไลน์อย่างบน Facebook หรือ Google เองนั้นเราก็สามารถทำ Optimsation เพื่อทำให้ต้นทุนต่อผลลัพธ์ (Cost per Result) ราคาถูกที่สุด เพื่อให้เราใช้เงินโฆษณาได้อย่างคุ้มค่านั่นเอง
กระบวนการของ Optimisation
คือวิธีการปรับปรุงการทำงานเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้น โดยประกอบจาก 3 ปัจจัยหลัก ๆ คือ Data, Analysic และ Adaptive Strategy
Data
Data ช่วยให้เรารู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะ Data ประเภทตัวเลขสำหรับการวัดผล
Analysis
เป็นทักษะของแต่ละบุคคลรวมถึงอาจใช้เครื่องมือเทคโนโลยีในการช่วยวิเคราะห์ Data ที่เกิดขึ้นอีกที เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจปรับบางอย่างให้ดีขึ้น
Adaptive Strategy
เมื่อได้ Data และ Analysis ก็จะนำมาสู่การคิดกลยุทธ์เพื่อปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้น เช่น การปรับกลยุทธ์การใช้เงินโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือการปรับกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำ รวมไปถึงปรับแต่งเนื้อหา Key Message ที่ใช้ในการสื่อสาร
ทำไมต้องทำ Optimisation
- ลดต้นทุน
- ใช้ Data ให้เกิดประโยชน์
- เกิด Learning ใหม่ ๆ
- ได้ผลลัพธ์มากขึ้น
วิธี Optimisation สำหรับ Facebook Ads
มีอะไรบ้างที่เราสามารถ Optimise เพื่อให้ต้นทุนโฆษณาบน Facebook Ads ราคาถูกลง
วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์โฆษณาเป็นตัวกำหนดว่าผลลัพธ์ที่ต้องการคืออะไร บน Facebook Ads เราสามารถเลือกวัตถุประสงค์ได้หลากหลายเช่น Reach, Engagement, Traffic หรือ Conversion
กลุ่มเป้าหมาย
เราสามารถปรับกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเราเห็น Data ว่ากลุ่มเป้าหมายบางกลุ่มไม่เกิด Conversion แทนที่เราจะยังยิงโฆษณาไปหาคนเหล่านี้ เราก็สามารถปรับกลุ่มให้แคบลงมาให้เหลือเฉพาะกลุ่มที่เกิด Conversion ได้
งบโฆษณา
การจัดสรรเงินโฆษณาไม่ให้สูญเปล่าก็คือการนำเงินไปวางให้ถูกที่ เราสามารถปรับเงินได้ตั้งแต่ระดับชิ้นงานโฆษณาไปถึงแคมเปญ
ชิ้นงานโฆษณา
เราสามารถ Optimise ชิ้นงานโฆษณาได้ด้วยการทดลอง Key Message หลาย ๆ แบบ หรือทำการ A/B Testing เพื่อหาชิ้นงานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
สรุป
Optimisation เป็นกระบวนการที่ทำได้ในระยะยาว เป็นการนำเอา Data มาวิเคราะห์จากนั้นก็วางแผนปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น แนวคิดนี้นำไปใช้ในการตลาดออนไลน์และการโฆษณา โดยเราสามารถ Optimise ทั้งกลุ่มเป้าหมาย การลงเงินโฆษณาให้ตรงกลุ่ม ให้คุ้มค่ามากขึ้น เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงกับจุดประสงค์ที่ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
adMATTERS ช่วยคุณ Optimise โฆษณาให้อัตโนมัติในการปรับแต่งกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำ และการจัดสรรงบประมาณให้อย่างคุ้มค่า
