นักโฆษณาและนักการตลาดบางคนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการคิดต้นทุนโฆษณาและยังไม่รู้โฆษณาทำงานได้ดีหรือไม่ดี ในบทความนี้จะอธิบายกันชัด ๆ ว่าต้นทุนโฆษณาบน Facebook Ads คิดคำนวณยังไง
วิธีคิดต้นทุนโฆษณา
วิธีคิดต้นทุนโฆษณาของ Facebook มีตัวเลขสองอย่างที่ต้องเข้าใจก่อนคือ
- จำนวนเงินที่ใช้เพื่อปล่อยโฆษณาออกไป : เรียกว่า Amount Spent
- ผลลัพธ์ทางโฆษณา เช่น จำนวนการเข้าถึง (Reach) จำนวนการมีส่วนร่วม จำนวนคอนเวอร์ชั่น : เรียกว่า Result
การคำนวณต้นทุนโฆษณาต่อผลลัพธ์ (Cost per Result) คือการนำจำนวนเงินที่ใช้ไป หารกับ ผลลัพธ์ทางโฆษณา เขียนเป็นสูตรให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้
Amount Spent / Result = Cost per Result
ตัวอย่างการคิดต้นทุนโฆษณา Facebook Ads
สมมุติว่าคุณยิงโฆษณา Facebook ออกไป 1 ตัว หลังจากโฆษณาทำงานไปได้ซักพัก คุณเข้ามาตรวจสอบตัวเลขหลังบ้าน และพบว่า
- โฆษณาใช้เงินไปแล้ว 100 บาท (Amount Spent)
- เข้าถึงคนไปเป็นจำนวน 2,000 คน
แปลว่าต้นทุนต่อการเข้าถึง (Cost per Reach) อยู่ที่ 100 / 2,000 เท่ากับ 0.05 บาทนั่นเอง
แต่เนื่องจากตัวเลขนั้นดูต่ำเกินไป Facebook จึงโชว์ตัวเลขจากการเข้าถึง 1,000 คนแทนเรียกว่า Cost per 1,000 Reach ซึ่งจะอยู่ที่ 50 บาท
นอกจากนั้นโฆษณาตัวนี้ที่ใช้เงินไป 100 บาทตัวนี้ คุณเห็นว่า
- จำนวนการมีส่วนร่วมอยู่ที่ 50 ครั้ง
- แปลว่าต้นทุนต่อการมีส่วนร่วม (Cost per Engagement) อยู่ที่ 100 / 50 เท่ากับ 2 บาท
สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือโฆษณาตัวนี้ใช้เงินไป 100 บาท ทุกๆ 50 บาทจะมีเข้าถึง 1,000 คน และทุก ๆ 2 บาทจะเข้ามีคนมีส่วนร่วม 1 ครั้ง
ต้นทุนโฆษณาไม่ใช่ค่า Fix ตายตัว
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่นักโฆษณามักเข้าใจผิดก็คือตัวเลขต้นทุนโฆษณาเป็นค่า Fix ตายตัว แต่จริง ๆ แล้วต้นทุนจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไปตามค่า Amount Spent และ Result
เช่นโฆษณาใช้เงินจาก 100 บาท กลายเป็น 500 บาท โฆษณาเข้าถึงคนเพิ่มเป็น 5,000 คน แต่จำนวนการมีส่วนร่วมอยู่ที่ 50 ครั้งเท่าเดิม หมายความว่าต้นทุนต่อการเข้าถึงจะอยู่ที่ 500 / 5,000 เท่ากับ 0.1 บาทแทน และต้นทุนต่อการมีส่วมร่วมอยู่ที่ 500 / 100 เท่ากับ 10 บาท
การคิดต้นทุนนี้เอาไปใช้กับ Result ใด ๆ ก็ได้เลย เช่นต้นทุนต่อคลิก ต้นทุนต่อการชมวิดีโอ ต้นทุนต่อคอนเวอร์ชั่น ก็ใช้สูตรนี้นี่แหละ ซึ่งจริง ๆ แล้ว Facebook ก็มีการโชว์เลข Cost per Result ไว้ให้ในหลังบ้านครับ แต่ตัวเลขนี้จะเปลี่ยนไปตามวัตถุประสงค์โฆษณา (Objective) ที่กำหนดเอาไว้
ต้นทุนโฆษณาใช้เปรียบเทียบ Performance
ในการเปรียบเทียบโฆษณาว่าตัวไหนดีกว่ากัน ให้วัดที่ต้นทุนต่อผลลัพธ์ยิ่งถูกแปลว่ายิ่งดี (เพราะเท่ากับได้ Result เยอะในจำนวนเงินเท่ากัน) แต่อย่าลืมว่าต้องใช้เลข Result เดียวกันนะครับ เราไม่สามารถนำต้นทุนต่อการมีส่วมร่วมไปเทียบกับต้นทุนต่อการเข้าถึง แล้วบอกว่าต้นทุนต่อการเข้าถึงถูกกว่าได้